ไมโครเคอเร้นท์ คืออะไร
- liftmeup
- 2 เม.ย. 2567
- ยาว 2 นาที
อัปเดตเมื่อ 2 เม.ย. 2567

ไมโครเคอเร้นท์ - Small Currents make big difference
ในวงการความงามและการดูแลตัวเอง Microcurrent Facial เป็นที่นิยมในหมู่คนดังมากๆ ในโลกตะวันตก น้อยคนนัก ที่จะทราบว่า การใช้กระแสคลื่นไฟฟ้าขนาดเล็กสามารถบำบัดในเรื่องของการชะลอวัยหรือทำให้ผิว ย้อนอายุได้ เพราะสมัยก่อนมักจะใช้กับการรักษาอาการบาดเจ็บของนักกีฬาที่มีอาการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อ ในช่วงปี 1980s เมื่อนักกีฬาที่รักษาอาการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อหน้าใช้กระแสคลื่นไมโครเคอเร้นท์ในการรักษาและพบว่า ผิวบนใบหน้าของเขานั้นอ่อนเยาว์ขึ้น และกระชับขึ้น จากนั้นจึงมีการพัฒนามาใช้ในวงการ Facial Beauty โดยปัจจุบันเป็นการนำมาใช้เพื่อ Skin Rejuvenation และ Facial Muscle Toning ค่ะ
เพราะอะไร วงการ Esthetician&Beauty ในยุโรปและอเมริกา จึงให้ความสนใจกันมากขนาดนี้ในช่วง 6-7 ปีที่ผ่านมา เรามาดูกันค่ะ
Microcurrent Treatment คือ กระแสคลื่นไฟฟ้าขนาดเล็กๆๆ และพลังงานต่ำมากๆ ซึ่ง Pulse ของกระแสคลื่นไฟฟ้า จะมีหลายรูปแบบ หรือที่เรียกว่า Wave Forms ซึ่งเขาเลียนแบบอนุภาคไฟฟ้าบนร่างกายคนเราที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมชาติ เพื่อเข้าไปกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อมัดเล็กบนใบหน้า และกระตุ้นกระบวนการการสร้าง collgen และ elastin ที่เสื่อมสภาพไปตามช่วงอายุ เปรียบเสมียนการเติมน้ำมันให้กับรถยนต์ค่ะ นอกจากนี้ ยังเป็นการเพิ่มกระบวนการการผลิต ATP (Adenosine Triphosphate) แหล่งการสร้างพลังงานในระดับ Skincell
ซึ่งหลักฐานทางวิทยาศาสตร์แสดงให้เห็นว่า ไมโครเคอร์ ทำงานโดยกระตุ้นการผลิต ATP ที่ผลิตขึ้นใน Mitrochondria ซึ่งที่เหมือนเป็นโรงไฟฟ้าของเซลล์ มีหน้าที่ผลิตและและกักเก็บพลังงานของเซลล์
ยิ่งมีการสร้าง ATP มากเท่าไร คุณก็จะมีพลังงานให้กับเซลล์ผิวมากขึ้นเท่านั้น
ที่ต่างประเทศมี Scientific Studies พบว่า ATP เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเซลล์มากๆ ยิ่งมีเยอะ ยิ่งผลิตเยอะ ยิ่งดีกับผิวของเราเลยค่ะ ATP ยังเกี่ยวข้องและช่วยเรื่องการหดตัวของกล้ามเนื้อบนใบหน้า การสังเคราะห์โปรตีน และการสื่อสารระหว่างเซลล์ ทั้งยังช่วยในทุกกระบวนการเผาผลาญและกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินอีกด้วย
เพราะฉะนั้น จะเห็นได้ว่า Microcurrent Technology ไม่ได้ดี เพราะเขาเป็น Microcurrent แต่เขาต้องสามารถ เสริมสร้างการผลิต ATP และไม่ไปทำลายด้วยนะคะ
ทั้งนี้ เวลาที่จะเลือกใช้เครื่อง Microcurrent นั้นต้องศึกษาดีๆค่ะ
สิ่งที่ทำให้แตกต่างคือ เราต้องรู้ว่าแบรนด์ที่เราใช้นั้นคือ True Microcurrent ไม่ใช่ EMS หรือ Gulvanic และต้องเลือกเทคโนโลยีไมโครเคอเร้นท์ที่มี WaveForms ที่ Target กับฟังก์ชั่นที่เราต้องการ ถ้าเราจริงจัง (แบบตั้ว) ฮ่าๆๆ เราก็ควรเลือกใช้ แบรนด์ที่มี FDA Proved/ Trial Studies/ Clinical Studies ค่ะ
อย่างที่ Lift me up Facial Studio เราใช้ เครื่อง Microcurrent ที่มี waveform ที่ช่วยเรื่อง Released Fascia contraction หรือ การ drainage พูดง่ายๆก็คือ ช่วยเรื่อง คลายกล้ามเนื้อมัดเล็กที่กดเกร็งจนทำให้เกิดริ้วรอย และ การช่วยเดรนน้ำเหลืองหรือของเสียออกไปเวลาหน้าเราบวมๆ และยังมี waveform เฉพาะ ที่ช่วยเรื่องการ Lifting & Toning ด้วยค่ะ ซึ่งเจ้าของจดสิทธิบัตรเรียบร้อยเพื่อไม่ให้ใครนำไปก็อปปี้หรือเลียนแบบนะคะ
อ่านมาถึงตรงนี้แล้วฟังดีๆนะคะ EMS ไม่เหมือน Microcurrent
EMS คือ Electrical Muscle Stimulation ซึ่งจะส่งพลังงานลงไปในระดับลึกกว่า Microcurrent เน้นที่การลงไปกระตุ้นให้กล้ามเนื้อบนใบหน้าให้ทำงาน เวลาเราที่เห็นคอนเท้นท์ ที่ดาราไปทำในคลีนิกดังๆ จะเห็นว่า กล้ามเนื้อหน้าเขากระตุกระหว่างทำเลย นั่นเรียกว่าการ Contract Facial Muscle หรือ การไปทำให้กล้ามเนื้อหดและเกร็งแรงๆ เหมือนการยกเวท ให้กล้ามเนื้อออกกำลังกาย เพื่อความกระชับ ค่ะ ถามว่ากระชับไหม กระชับแน่นอนค่ะ ถ้าแต่รุนแรงจนเกินไป จนไปทำลายกระบวนการสร้าง ATP ก็ต้องเลือกเอาค่ะ
แต่ Study ที่เมืองนอกพบว่า EMS นั้นไป Decrease หรือ ลดกระบวนการสร้าง ATP อย่างมีนัยสำคัญค่ะ ที่สำคัญนะคะ เมื่อใช้ Device ไม่ว่าจะเป็น Microcurrent/ EMS/ Gulvanic หากใช้กระแสไฟฟ้าที่แรงเกิน 100 microamp นั้นจะไปทำลายกระบวนการสร้าง ATP ค่ะ
ที่ Lift me up Facial Studio เราใช้ Profession Microcurrent Grade และยังเป็น Dynamic Microcurrent ที่จะปรับพลังงานให้ตรงกับ skin impedent ของเรา เหมือนปรับคลื่นความถี่ให้ผิวคุยกันรู้เรื่องนั่นเองค่ะ เพราะฉะนั้นเวลาทำทรีตเม้นท์ กระแสคลื่นพลังานจะไปซ่อมแซมในส่วนที่ต้องซ่อมก่อน
ลูกค้าบางคนของตั้วจะมีปัญหาไม่เหมือนกัน ลูกค้าบางท่าน ผิวอ่อนแอแพ้ง่าย เมื่อไปไปสักพันจะเห็นว่าผิวเริ่มสุขภาพดีขึ้น แข็งแรงขึ้น ลูกค้าบางท่านผ่านการทำ Chemotherapy มา เมื่อทำเพียงครั้งแรก ก็จะเห็นได้เลยว่า ผิวหน้ากระจ่างใส มีชีวิตชีวาขึ้นมากๆ จนเจ้าตัวยังต้องยอมรับ และกลับมาทำอย่างต่อเนื่อง หรือ บางท่าน ผิวเริ่มหย่อนคล้อย เมื่อทำก็จะเห็นได้ชัดเลยว่า Skin Density ดีขึ้นมากๆ
ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องขอบคุณ คุณโทนี่ ผู้คิดค้น Dynamic Microcurrent นี้ค่ะ ที่เข้าใจว่า ผิวของแต่ละคนนั้นแตกต่าง และสามารถสร้างเทคโนโลยีที่มาตอบโจทย์ความแตกต่างนี้ได้
ช่วงไหนตั้วเองที่นอนน้อย ไม่ได้บำรุงครีมอะไร พอได้ทำทรีตเม้นท์สัก 45 นาที หน้าก็กระชับและใสไปหลายวันเลยค่ะ :)
แล้วพบกันที่ Lift me up, Private Facial Studio นะคะ
Comments